Language

6 Jul 2012

วิธีการแปลง FAT / FAT32 เป็น NTFS

วิธีการแปลงวอลุ่ม FAT หรือวอลุ่ม FAT32 ไปเป็น NTFS


1. เข้า Command Dos
- Start --> All Program --> Accessories --> Command Prompt
- หรือ พิมพ์ 'cmd' ที่ช่อง Run

2. พิมพ์คำสั่ง convert (drive letter): /fs:ntfs
- เช่นหากต้องการเปลี่ยนที่ไดร์ฟ X: 
- C:\>convert X: /fs:ntfs 

3. พิมพ์ชื่อไดร์ฟ (Volume Label) เพื่อยืนยัน
- หา Volume Label จากชื่อไดร์ฟที่เราตั้ง
- หรือกด คำสั่งดอส dir ดูใน ไดร์ฟที่เราจะทำการเปลี่ยน
 
- Volume in driver X is .............

4. กด Enter แล้วรอจนว่าจะดำเนินการเสร็จ

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  Microsoft Support


















** ประโยชน์ของวิธีนี้คือไม่ต้องย้ายไฟล์เพื่อการ Format Driver จาก FAT เป็น NTFS
** หรือสามารถใช้โปรแกรม partition magic แทนวิธีนี้ก็ได้

-------------------------------------------------------------------

FAT เป็นระบบไฟล์ชนิดหนึ่งที่ถูกกำหนด โดยซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (operating system) ซึ่งระบบไฟล์ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันมี




  • FAT ของระบบปฏิบัติการดอส (DOS) และวินโดวส์ (Windows)
  • NTFS ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นที (Windows NT)
  • HPFS ของระบบปฏิบัติการโอเอสทู (OS2)

ความแตกต่างของระบบ Fat16 และ Fat32
  • Fat (File Allocation Table) เป็นระบบจะดการไฟล์ใน HDD ซึ่งหมายถึงIndex ของ ช่องเก็บข้อมูล(Cluster) ระบบจะระบุไปเลยว่า ไฟล์นี้เก็บที่ช่องไหน แล้วเวลาจะใช้ก็ไปดึงไฟล์มาจากช่องนั้นๆ
  • ในการที่ไฟล์จะลงไปในช่องเก็บนั้นถ้าไฟล์มีขนาดเล็กกว่าช่องนั้นก็จะจองพื้นที่ทั้งช่อง แต่ถ้าใหญ่กว่าช่องนั้นๆ ก็จะกินไปหลายช่อง
  • เช่น สมมติว่าช่องมีขนาด ๓๒ KB แต่ไฟล์เรามีขนาด ๔ KB เราก็จะเสียพื้นที่ไป ๒๘KB
  • ข้อแตกต่างของ Fat16 กับ Fat32 ต่างกันเช่นไร
  • FAT 12 เป็นระบบไฟล์ที่ใช้ใน Floppy Disk และ Harddisk ที่มีขนาดไม่เกิน 16 MBs หมายเลข Cluster มีขนาด 12 บิท จึงสามารถอ้างถึง Cluster ได้เพียง 4096 clusters เท่านั้น 
  • FAT 16 ใช้ตัวเลขขนาด 16 บิท ในการกำหนดหมายเลข Cluster จึงกำหนดหมายเลขได้ 65536 หมายเลข ระบบไฟล์นี้ มีใช้ในระบบปฏิบัติการของ Microsoft ทุกรุ่น Partition ที่จะใช้ระบบไฟล์นี้ได้ ต้องมีขนาดไม่เกิน 2GBs. FAT 16 ได้รับการปรับปรุงให้มีความสามารถมากขึ้นใน Windows 95 เพื่อให้สามารถใช้งานกับไฟล์ที่มีชื่อยาวได้ไม่เกิน 256 ตัว เรียก FAT 16 รุ่นนี้ว่า Virtual FAT หรือ VFAT 
  • FAT 32 ระบบไฟล์ระบบนี้จะใช้หมายเลขขนาด 28 บิท ซึ่งตามทฤษฎีจะสามารถกำหนด Cluster ได้มากถึง 268,435,456 Clusters และสามารถใช้กับ Partition ที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 2 TeraBytes ระบบไฟล์แบบ FAT32 นี้มีใช้ใน Windows 95 OSR2 ขึ้นไป แต่ใช้ไม่ได้ใน Windows NT
ความแตกต่างระหว่ง FAT32 กับ NTFS
NTFS (New Technology File System)
ออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบ ปฏิบัติการ Windows NT โดยเฉพาะ
เป็นระบบไฟล์ที่ออกแบบเพื่อให้มีศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลที่มีขนาดใหญ่
และนำมาใช้กับระบบปฏิบัติการเครือข่ายที่ต้องมีการควบคุมระบบความปลอดภัย
สนับสนุนการตั้งชื่อไฟล์หรือ ไดเร็คทอรี่แบบยาว ได้ถึง 255 ตัวอักษร
NTFS มีข้อดีคือ
1.มีความสามารถในการบีบอัดข้อมูล (File Compression)ให้ได้พื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น โดยไฟล์ที่เก็บข้อมูลเป็นตัวอักษรจะบีบอัดได้ประมาณ 50 % ถ้าเป็นไฟล์แบบ .exe จะประหยัดเนื้อที่ได้ประมาณ 40 %
2.มีความสามารถในการกำหนดสิทธิ์ (Permission) การเข้าถึงข้อมูลให้กับผู้ใช้งานแต่ละคน ว่าให้ใครเข้าถึงข้อมูลไฟล์ไหนได้บ้าง แล้วสามารถอ่านได้อย่างเดียวหรือ แก้ไขได้ด้วย
3.มีความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลได้
4.NTFS สามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันได้ใหญ่กว่า แบบ FAT ในทางทฤษฎีสามารถรองรับขนาดของไฟล์และพาร์ติชันรวมกันได้ถึง 16 Exabyte (EB) แต่ในทางปฎิบัติ สามารถรองรับขนาดของไฟล์ได้ 4-64 GB ส่วนขนาดของพาร์ติชันรองรับได้ 2 TB
5.มีความสามารถจัดการกับ Cluster ที่เกิดปัญหา ซึ่งจะใช้วิธีการที่เรียกว่า Bad- Cluster Mapping คือเมื่อระบบพบว่ามี Bad Sector บน Harddisk ก็จะจัดหา Cluster ใหม่แล้วย้ายข้อมูลจาก Cluster เก่ามาใส่ให้โดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกำหนด Cluster เก่าเป็น Bad Sector
ใน ระบบ FAT จะ ไม่สนับสนุนการบีบอัดข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และไม่มี Feature
ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งต่างกับระบบ NTFS
ข้อเสียของ ของ NTFS ในยุคของ Windows NT คือไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดิสก์ที่เป็น File System แบบ FAT
และในทางกลับกันระบบ FAT ก็จะมองฮาร์ดดิสก์ที่เป็น NTFS ไม่เห็นเช่นกัน
แต่เมื่อมีระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP ทำให้ฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS สามารถมองฮาร์ดดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ FAT
ได้ เพราะ ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP มีความสามารถในการสนับสนุน File System ทั้งแบบ FAT และ NTFS ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows XP สามารถที่จะมองฮาร์ดดิสก์ทั้งแบบ NTFS และ FAT

ถ้า Shutdown แบบไม่ถูกครรลองประเพณี(FAT32) จะต้องมา check disk กันทุกครั้ง
แต่ถ้าเป็น NTFS มันจะไม่ค่อย check diskยกเว้นกรณีที่ Map และ Index ของ NTFS เกิดเสียหายถึงจะ check disk

File Fat32 ที่ Boot Dos เห็น NTFS ได้ครับชื่อไฟล์ NtfsDosPro ครับ สุดยอดจริงๆ
ถ้า file ใหญ่กว่า 2G NTFS ดีกว่าจะได้ไม่ต้องตัดแบ่งเป็นหลาย file เหมือนใน FAT32

**
1. ถ้าใช้ "Windows Me" ต้องใช้ FAT32 เพราะว่ามันจะมองไม่เห็น NTFS
2. แต่ถ้าใช้ "Windows XP" หรือ "Windows 2000" คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ ได้ทั้ง NTFS หรือ FAT32
3. ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูจุดประสงค์ในการใช้งานด้วย หากคุณใช้HDD โดยไม่มีโอกาสที่จะนำ HDD ไปต่อพ่วงกับเครื่องอื่นเพื่อถ่ายข้อมูล โดยที่เครื่องอื่นใช้ Windows Me อยู่ก็ใช้ NTFS ก็ได้ โดยข้อดีของ NTFS ทางเทคนิคเหนือกว่า FAT32 แต่ในทางกลับกัน หากคุณยังมีความจำเป็นในอนาคตที่จะต้องนำ HDD ตัวนี้ไปถ่ายข้อมูลกับของเพื่อนๆที่เขายังไม่ได้ใช้ WindowsXP หรือ2000 แล้วละก็ FAT32 ดูจะเป็นทางออกที่ดีกว่า Compatible กว่าเพราะใครๆก็มองเห็น

No comments:

Post a Comment